โคลอสเซียม (Colosseum) อัฒจันทร์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี สร้างในยุคของจักรพรรดิฟลาเวียน (Flavian emperors) จุคนได้ 50,000 ถึง 80,000 คน สร้างขึ้นด้วยคอนกรีตและหิน มีขนาด 188 x 156 เมตร วัดเส้นรอบวงได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
การใช้งานโคลอสเซียม
โคลอสเซียมมักถูกใช้เพื่อความบันเทิง เป็นเวลาประมาณ 500 ปี อย่างการแข่งขันต่อสู้ระหว่างกลาดิเอเตอร์และการแสดงอื่นๆ เช่น การแสดงละคร การล่าสัตว์ การแสดงเหตุการณ์จำลอง ไปจนถึงการประหารชีวิต ตามการประมาณการ มีผู้เสียชีวิตในโคลอสเซียมประมาณ 500,000 คน ต่อมาในยุคกลางตอนต้นได้เลิกใช้เพื่อความบันเทิงและใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น ที่อยู่อาศัย โรงปฏิบัติงาน พื้นที่สำหรับศาสนิกชน ป้อมปราการ เหมืองหิน และแท่นบูชาของชาวคริสต์1
เวทีของกลาดิเอเตอร์ ที่เดิมพันด้วยความตาย
กลาดิเอเตอร์ (gladiator) คือ นักสู้ในสมัยโรมัน เหล่ากลาดิเอเตอร์มีตั้งแต่ทาส อาชญากร อดีตทหาร เชลยศึก อาสาสมัครที่ได้รับการฝึกมาเพื่อสู้ มีทั้งโดนบังคับและภูมิใจที่จะสู้ กลาดิเอเตอร์ที่ประสบความสำเร็จจะได้รับทั้งชื่อเสียงและเป็นที่โปรดปรานของหญิงสาวในสมัยนั้น เมื่อไหร่ที่มีประกาศการต่อสู้ของกลาดิเอเตอร์ จะได้รับการสนใจจากผู้คนจำนวนมากจนมีคนดูเต็มพื้นที่โคลอสเซียม2
การแสดงเริ่มจากแห่ขบวนกลาดิเอเตอร์ผ่านสนามประลอง แล้วเปิดด้วยการสู้หลอกๆ ด้วยดาบไม้และหอกก่อน หลังจากนั้นจะมีการเป่าแตรให้สัญญาณสู้จริง นักสู้คนไหนที่กลัว จะถูกบังคับให้เข้าไปสู้ในสนามด้วยแส้และเหล็กแดงร้อนๆ
เมื่อกลาดิเอเตอร์สู้จนได้รับบาดเจ็บ ผู้ชมจะตะโกนว่า “Habet” ที่แปลว่า “เขาได้รับบาดเจ็บ” ถ้าศัตรูยังมีความเมตา กลาดิเอเตอร์ที่เจ็บจะชูนิ้วชี้ขึ้นเพื่อวิงวอนขอความเมตาจากประชาชนที่ดูอยู่ ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะไว้ชีวิตหรือมอบความตาย ถ้าผู้ชมเมตตาจะโบกผ้าเช็ดหน้า แต่ถ้าต้องการให้ตายจะคว่ำนิ้วโป้งลง (มีมุมมองบางส่วนบอกว่า ถ้าผู้ชมต้องการให้ตายผู้ชมจะหันหัวแม่มือไปทางหน้าอกเพื่อเป็นสัญญาณให้แทง และคนที่ต้องการให้รอดจะหันนิ้วหัวแม่มือลงเพื่อเป็นสัญญาณให้ทิ้งดาบ)
ผู้ชนะจะได้รับกิ่งปาล์ม (สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ) หรือเงินเป็นรางวัล 3 นักสู้คนไหนที่สู้จนชนะหลายครั้ง อาจได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระไม่ต้องกลับมาสู้อีก
โคลอสเซียมในปัจจุบัน
โคลอสเซียม ในปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ถูกทำลายไปบางส่วน เนื่องจากแผ่นดินไหว โจรขโมยหิน และระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่สอง และได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศอิตาลี มีผู้เข้าชมมากกว่า 6 ล้านคนในแต่ละปี4
ข้อมูลอ้างอิง
- https://world.new7wonders.com/wonders/roman-colosseum-70-82-a-d-rome-italy/ (Accessed on: 26 Apr 2024) ↩︎
- https://darkrome.com/blog/Rome/7-bloody-colosseum-facts (Accessed on: 26 Apr 2024) ↩︎
- https://www.britannica.com/sports/gladiator (Accessed on: 26 Apr 2024) ↩︎
- https://www.rome.net/colosseum (Accessed on: 26 Apr 2024) ↩︎
