กฎของคนคุย เป็นคำที่เราได้ยินกันบ่อยขึ้นในยุคที่ความสัมพันธ์มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น การเป็น “คนคุย” นั้นไม่ได้มีกฎตายตัว แต่เป็นสถานะที่คลุมเครือซึ่งอาจทำให้หลายคนรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์กำลังไปในทิศทางใด
กฎของคนคุยคืออะไร?
- ไม่มีกฎตายตัว: สิ่งที่เรียกว่า “กฎของคนคุย” นั้นไม่ได้มีการกำหนดไว้ชัดเจน เป็นเพียงความเข้าใจร่วมกันในสังคมเกี่ยวกับสถานะที่อยู่ระหว่างเพื่อนกับคนรัก
- ความคาดหวังที่ไม่ชัดเจน: ทั้งสองฝ่ายอาจมีความคาดหวังที่แตกต่างกัน บางคนอาจมองว่าเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่จริงจัง ในขณะที่อีกฝ่ายอาจมองว่าเป็นเพียงการพูดคุยเพื่อผ่อนคลาย
- สัญญาณที่บ่งบอก: การตีความสัญญาณต่างๆ ที่อีกฝ่ายส่งมาเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ความถี่ในการติดต่อ, เนื้อหาของการสนทนา, การแสดงออกทางความรู้สึก เป็นต้น
ทำไมต้องมี “กฎของคนคุย”?
- ช่วงเวลาในการทำความรู้จัก: การเป็นคนคุยเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายได้เรียนรู้และทำความเข้าใจกันมากขึ้นก่อนที่จะตัดสินใจพัฒนาความสัมพันธ์ไปขั้นต่อไป
- ลดความกดดัน: การไม่มีป้ายกำกับความสัมพันธ์ที่ชัดเจน ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและไม่ต้องกังวลกับความคาดหวังที่มากเกินไป
- สำรวจความรู้สึกของตัวเอง: การเป็นคนคุยช่วยให้เราได้สำรวจความรู้สึกของตัวเองว่าต้องการอะไรจากความสัมพันธ์นี้
สัญญาณบ่งบอกว่าคุณอาจเป็นแค่ “คนคุย”
- อีกฝ่ายไม่เคยเปิดเผยความสัมพันธ์กับคนอื่น: ไม่เคยแนะนำคุณให้เพื่อนหรือครอบครัวรู้จัก
- เลื่อนการนัดเจอเป็นประจำ: หรือมีเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นในการยกเลิกนัด
- ให้ความสำคัญกับคุณน้อยลงเมื่อมีคนอื่นเข้ามา: หรือมีพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับคำพูด
- ไม่เคยพูดถึงอนาคตของความสัมพันธ์: หรือหลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
จะรับมือกับสถานะ “คนคุย” อย่างไร?
- เปิดใจคุยกัน: สื่อสารความรู้สึกและความต้องการของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา
- ตั้งขอบเขต: กำหนดขอบเขตของความสัมพันธ์ที่คุณต้องการ
- อย่ารอคอยมากเกินไป: ให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนและทำกิจกรรมอื่นๆ
- เตรียมใจรับทุกสถานการณ์: ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม ให้ยอมรับและก้าวต่อไป
การเป็น “คนคุย” ไม่ใช่เรื่องผิด แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องเข้าใจสถานการณ์และความรู้สึกของตัวเอง หากคุณรู้สึกว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ ก็ไม่ควรฝืนใจที่จะอยู่ต่อ