โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ นางแบบสาวสวยมากความสามารถ ที่ได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นสาวโสดได้สักระยะแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้มีแฟนคลับแห่ให้กำลังใจอยากล้นหลาม รวมถึงเพื่อนๆ ในวงการอีกมายมากที่พร้อมจะสนับสนุนโยเกิร์ตอย่างเต็มที่ ล่าสุด ในรายการ woody FM เจ้าตัวก็ได้บอกว่า ลิซ่า ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้ส่งข้อความมาให้กำลังใจเหมือนกัน
ณ จุดๆ นี้ความรู้สึกเป็นยังไง หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว?
“ผ่านมาประมาณเดือนนึงแล้ว ก็โอเคขึ้น มีวันที่ดีบ้าง วันที่ไม่ดีก็ยังมีอยู่ วันที่รู้สึกดาวน์ๆ แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ ทีละนิด”
การที่จะตัดสินใจเลิกหลักจากที่คบมา 12 ปี ใจคิดยังไงถึงจะต้องบอกว่าพอแล้ว?
“มีช่วงที่ได้ใช้เวลากับตัวเอง พิจารณา มองเรื่องราวให้เป็นระบบใหญ่ พยายามจะตัด ตัดอารมณ์ความรู้สึกออกไปทั้งหมด พิจารณาด้วยเหตุด้วยผลจริงๆ สุดท้ายก็เป็นการตัดสินใจแบบนี้”
เสียดายมั้ย?
“ไม่อยากใช้คำว่าเสียดาย เรารู้สึกว่าเราเต็มที่กับทุกขั้นตอน ใน 12 ปีเราเต็มที่ ไม่ได้รู้สึกเสียดาย”
เต็มที่กับการเป็นภรรยา?
“ใช่ ในความสัมพันธ์เต็มที่กับทุกเรื่อง ไม่ได้รู้สึกเสียดาย”
คุณเป็นภรรยาแบบไหน?
“โยว่าโยก็เป็น พูดเดี๋ยวเหมือนเข้าข้างตัวเอง (หัวเราะ) แต่โยว่าโยเป็นผู้หญิงที่ทำหน้าที่ภรรยาได้ที่สุดคนหนึ่ง”
ตัดสินใจพักงานที่ทำตอนนั้น หรือว่าอยากจะมาโฟกัสในความสัมพันธ์?
“ไม่ได้ตั้งใจพัก แต่เหมือนเป็นช่วงจังหวะ แล้ววพอเราอยู่ในความสัมพันธ์แบบนั้น เราก็ต้องทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด เราพร้อมสนับสนุนเขา เราก็ทำแบบเต็มที่ ทำด้วยความเต็มใจ ด้วยช่วงจังหวะหลายๆ อย่างด้วย เลยทำให้รู้สึกว่าเราพักงานจากตรงนี้ไป แต่ก็ยังทำอยู่บ้าง แต่ว่าให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นหลัก”
ตอนนี้จะมีโอกาสได้มีเวลามากขึ้นในการทำสิ่งที่อยากทำหรือยัง?
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็มีเวลาได้คิด ได้ทบทวนกับตัวเองเยอะ ว่าอยากทำอะไร (อยากทำอะไร?) เยอะมาก (เช่น?) คือก่อนหน้านี้เวลาคิด หรือวางแผนอะไร มันจะมาเป็นแพ็คเกจ พิจารณาเป็นคู่ไปไหนไปด้วยกัน คิดสำหรับคนสองคน ถ้ามันไม่ได้เวิร์กไม่ได้ดีสำหรับคนสองคน เราไม่ทำ แต่พอตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราได้กลับมามองตัวเองจริงๆ ว่าเราอยากทำอะไรชอบอะไร (คุณชอบอะไร?) หลายอย่างเลยนะ งานในวงการก็ชอบ อยากทำ ธุรกิจก็อยากทำ
มีอีกอย่างหนึ่งที่อยากทำ พูดไปพี่วู้ดดี้จะตกใจ เป็นแค่ไอเดียที่ผุดขึ้นมาว่า พอเราจบความสัมพันธ์นั้น อยากทำอะไร หรือไม่มีโอกาสได้ทำอะไร ก่อนหน้านี้อาจจะไม่เคยคิดเรื่องนั้น อยู่ดีๆ ก็มีไอเดียผุดขึ้นมาว่า บทบาทของแม่คน เป็นอีกบทบาทที่ผุดขึ้นมาในหัวเรา เป็นสิ่งหนึ่งที่เราอยากทำ ถ้าก่อนหน้านี้ถ้าพี่วู้ดดี้จำได้ ไม่เคยพูดว่าจะมีลูก”
เหตุผลที่ไม่ได้มีลูกกันเพราะอะไร?
“ทั้งสองคนรู้สึกว่า อันนี้ไม่รู้คิดแทนเขาหรือเปล่านะ ทั้งสองคนก็รู้สึกว่าด้วยการใช้ชีวิตเราด้วยทุกอย่างของเราไม่ได้แบบอยากจะมีลูก เอาจริงๆ โยไม่ได้แอนตี้เรื่องการมีลูก หรือไม่มีลูกไม่ได้แอนตี้ แต่โยรู้สึกว่ามันต้องขึ้นอยู่กับไลฟ์พาร์ทเนอร์ของเราด้วย คู่ชีวิตของเราด้วย ว่าลงตัวมั้ยเหมาะมั้ยก่อนหน้านี้ไม่เคยมีไอเดียนั้นเลย แต่พอวันหนึ่งที่จบความสัมพันธ์ไป เราแค่รู้สึกว่าก็มีโอกาสที่เราจะเป็นแม่คนได้ เป็นอีกบทบาทหนึ่ง”
แล้วเป็นแม่คนแบบที่จำเป็นต้องมีพ่อไหม?
“ในหัวโยก็ยังมีภาพที่เป็นครอบครัวที่เป็นพ่อแม่ลูก”
เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?
“เป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ ได้มีโอกาสได้กลับมาทบทวนตัวเอง กลับมาดูหางเสือชีวิตตัวเองว่าทุกอย่างชี้นำตามเป้าหมายชีวิตที่เราเคยคิดเคยฝันไว้มั้ย หรือภาพเป้าหมายชีวิตเราเปลี่ยนไปหรือเปล่า พอเราได้มีโอกาสอยู่กับตัวเองได้คิดพิจารณา ให้ภาพเป้าหมายในชีวิตเราชัดเจน ก็ทำให้ทุกการกระทำของเรา ที่ทำวันนี้หรือต่อจากพรุ่งนี้ มันยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น ในการที่จะนำพาเราให้ไปถึงเป้าหมายชีวิตที่เราวาดฝันเอาไว้ เหมือนได้กดปุ่มรีเซ็ตให้ตัวเอง”
เคยคิดมั้ยว่าจะได้รับกำลังใจจากผู้คนมากมายขนาดนี้?
“ไม่เลย สำหรับเพื่อนที่อยู่ใกล้ตัวเรา โยรู้อยู่แล้วว่าคนที่เป็นเพื่อนรอบตัวจะสนับสนุนโย แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือคนทั่วไป ประชาชนทั่วไป ที่เห็นแล้วรู้สึกว่า เราเป็นแรงบันดาลใจเขาบางอย่าง การกระทำของเรามีผลต่อเขาบางอย่าง ทำให้เขารับรู้ หรือรู้สึกบางอย่าง อันนี้ไม่เคยคิดเลย เราแค่คิดว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราทำสิ่งที่มันควรจะทำ ก่อนมาส่งข้อความหาน้องคนหนึ่ง ที่เป็นหนึ่งในคนที่เคยส่งข้อความมาหาโย
หลังจากได้ยินข่าวคราว ขออนุญาตเขาแล้วขอพูดถึงเขาแล้ว ส่งข้อความหาลิซ่าว่า ไอสามารถพูดถึงยูในรายการได้มั้ย วันนี้จะมารายการพี่วู้ดดี้ เขาบอกได้เลยชัวร์ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเราตกใจ เราไม่คิดว่าเขาจะส่งข้อความมาหาเรา ไม่ใช่แค่ส่งข้อความมาซัพพอร์ต แต่เขาพูดอธิบายความรู้สึกบางอย่าง ที่เกิดจากการรับรู้แล้วส่งผลยังไงต่อเขา โยรู้สึกว่าว้าวไม่คิดเลยจริงๆ ว่าการกระทำของเรามันสามารถส่งบางอย่างไปถึงผู้คนได้”
ผู้หญิงที่เขาอยู่ในจุดที่ไม่ไหวแล้วแต่เขายังมีความกลัวอยู่ ก้าวข้ามผ่านความกลัวยังไง?
“ไม่กล้าให้คำแนะนำใคร เอาเป็นว่าดูเคสจากโยว่าโยทำยังไง เเล้วแต่ละคนเอาไปเลือกใช้ หรือประยุกต์ใช้กับชีวิตตัวเองแล้วกัน โยมองว่าเป้าหมายชีวิตต้องชัดเจน ทุกการกระทำของโยจะต้องชี้นำไปที่เป้าหมายชีวิต เปลี่ยนเอาความกลัวเป็นความกล้า ในการที่จะออกไปเปิดประตูบานใหม่ หาโอกาสให้เราใหม่ๆ หาเส้นทางเดินใหม่ๆ ที่จะทำให้เราสามารถไปถึงเป้าหมายชีวิต ที่เราวางไว้ โยทำแบบนี้”
ดูแลตัวเองยังไงบ้าง?
“ก็พยายามที่จะใช้รูทีนปกติเหมือนเดิม ตื่นมาออกกำลังกายกินดีนอนดี แต่มันก็ยังไม่ไปจุดนั้น นอนก็ยังนอนหลับไม่ดี เชื่อมั้ยว่ายังตื่นกลางคืนทุกคืน เหมือนมีเรื่องอะไรให้คิดในหัวตลอด ต้องจัดการชีวิต ไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ แต่ว่าเรื่องการจัดการชีวิตเราหลังจากนี้ด้วย อย่างบางทีตื่นมาแล้วก็ไม่ค่อยมีสมาธิ ในการที่จะจดจ่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง”