Search
Close this search box.

รู้ไว้ก่อน! 5 โรคจากความร้อน “อันตรายถึงชีวิต”

ภาพรวมเนื้อหา

หน้าร้อนปีนี้ อากาศร้อนจัดเป็นพิเศษ หลายคนคงรู้สึกไม่สบายตัว อ่อนเพลีย และเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่นโรคจากความร้อนมากขึ้น บทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับโรคยอดฮิตที่มากับหน้าร้อน พร้อมวิธีป้องกันง่ายๆ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดีตลอดทั้งฤดูร้อนนี้

โรคจากความร้อนที่พบบ่อย

1. ผดร้อน (Heat Rash)

เกิดจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ เกิดขึ้นในเด็กเล็ก แต่ไม่ใช่แค่เรื่องของเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่ก็เป็นได้เช่นกัน โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนและชื้น อาการผื่นร้อนเกิดขึ้นเมื่อเหงื่อออกแล้วไม่สามารถระเหยออกไป ทำให้ติดอยู่ใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ตั้งแต่ตุ่มน้ำใสขนาดเล็ก ไปจนถึงตุ่มนูนแดงอักเสบ บางชนิดของผื่นร้อนจะมีอาการคันมาก

อาการ:

  • ผื่นแดง คัน
  • พบตามบริเวณใบหน้า ลำคอ ไหล่ แผ่นหลัง แขน ขา
  • อาจมีตุ่มน้ำใสๆ เล็กๆ

สาเหตุ:

  • เหงื่ออุดตันรูขุมขน

การรักษา และดูแลตัวเอง:

  • อาบน้ำเย็นๆ บ่อยๆ
  • ทาครีมหรือโลชั่นที่ให้ความชุ่มชื้น
  • หลีกเลี่ยงการเกา
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • เช็ดตัวให้แห้งสนิทหลังอาบน้ำ
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม ระบายอากาศได้ดี
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนเป็นเวลานาน

2. บวมแดด (Heat Edema)

บวมแดด อาการบวมจากความร้อน เกิดขึ้นเมื่อเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ในร่างกายรั่วไหลของเหลวออกมา ทำให้ของเหลวไปสะสมอยู่ตามเนื้อเยื่อใกล้เคียง เกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดส่วนปลายชั่วคราว ส่งผลต่อผิวหนัง โดยเฉพาะคำว่า “Heat Edema” นั้น จะหมายถึง อาการบวมที่เกิดจากการสัมผัสความร้อน อาการบวมน้ำจากความร้อน จะปรากฏบริเวณส่วนล่างของร่างกาย เกิดขึ้นกับมือ เท้า และข้อเท้า แต่ก็อาจจะบวมขึ้นทั่วไปได้เช่นกัน ผู้คนจะประสบกับอาการบวมน้ำจากความร้อนบ่อยครั้งในช่วงฤดูร้อนและในสภาพอากาศร้อน

อาการ:

  • ขา บวม โดยเฉพาะข้อเท้า
  • รู้สึกอึดอัด ตึง
  • อาจมีอาการปวด

สาเหตุ:

  • ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ทางเหงื่อ
  • เส้นเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว

การรักษา และดูแลตัวเอง:

  • ดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่ (electrolyte) ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะในอากาศร้อน
  • ทานอาหารที่มีเกลือแร่ เช่น ผัก ผลไม้
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
  • พักผ่อน ยกขาสูง
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม ระบายอากาศได้ดี
  • พักผ่อนในที่เย็นๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนจัด
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

3. โรคตะคริวแดด (Heat Cramps)

โรคตะคริวแดด อาการตะคริวจากความร้อน เป็นการเกร็งตัวของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็วและปวดร้าว อาจรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อกระตุกหรือสั่นเป็นจังหวะควบคุมไม่ได้ เกิดจากความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ (โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม) โดยปกติ กล้ามเนื้อที่เป็นตะคริวเป็นส่วนที่ใช้งานหนักจนเมื่อยล้า เช่น น่อง หน้าแข้ง แขน ไหล่ และหน้าท้อง อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ขณะออกกำลังกายหรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด หรืออาจตามมาภายหลังอีกไม่กี่ชั่วโมง

อาการ:

  • กล้ามเนื้อหดตัว เกร็งอย่างเฉียบพลัน
  • ปวด บริเวณขา แขน หรือท้อง
  • อาจมีเหงื่อออกมาก

สาเหตุ:

  • ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ทางเหงื่อ
  • กล้ามเนื้อทำงานหนัก

การรักษา และดูแลตัวเอง:

  • ดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่ (electrolyte)
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะในอากาศร้อน
  • ทานอาหารที่มีเกลือแร่สูง เช่น ผัก ผลไม้
  • ยืดกล้ามเนื้อก่อนและหลังออกกำลังกาย
  • ยืดกล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นตะคริว
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ในอากาศร้อนจัด
  • นวดกล้ามเนื้อเบาๆ
  • ประคบเย็น

4. โรคลมแดด (Heat Stroke)

เกิดจากความเครียดในสภาพแวดล้อมที่ร้อน เกิดขึ้นกับทหาร เป็นภาวะที่ร่างกายร้อนจัดจนเกินไป โดยปกติเกิดจากการเผชิญกับอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน หรือการออกแรงกายหนักเกินไปในสภาพอากาศร้อนจัด ภาวะฮีทสโตรกเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดของโรคจากความร้อน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงถึง 40 องศาเซลเซียส (104 องศาฟาเรนไฮต์) หรือสูงกว่า ภาวะนี้พบได้บ่อยในช่วงฤดูร้อน

อาการ:

  • อุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส
  • เหงื่อออกน้อยหรือไม่มีเหงื่อเลย
  • ผิวแห้ง ร้อน แดง
  • ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
  • มึนงง สับสน
  • หมดสติ

สาเหตุ:

  • ร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนออกได้
  • พบในผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่ออกกำลังกายหนักๆ ในอากาศร้อนจัด

การรักษา และการดูแลตัวเอง:

  • รีบนำผู้ป่วยไปยังที่ร่มเย็น
  • พาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
  • เช็ดตัวด้วยน้ำเย็นหรือประคบเย็น
  • ให้ดื่มน้ำเย็นๆ ทีละน้อย
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะในอากาศร้อน
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม ระบายอากาศได้ดี
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

โรคลมแดด (Heat stroke) เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะฮีทสโตรกจะส่งผลเสียต่อสมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว ความเสียหายจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหรือเสียชีวิต

5. โรคเพลียแดด (Heat Exhaustion)

โรคเพลียความร้อน อาการอ่อนเพลียจากความร้อน เกิดขึ้นเมื่อร่างกายร้อนเกินไป การสัมผัสกับอุณหภูมิสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ร่วมกับการออกแรงกายอย่างหนัก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว อาการอ่อนเพลียจากความร้อนอาจนำไปสู่แผลร้อน โดยอาการอาจรวมถึง เหงื่อออกมาก และชีพจรเต้นเร็ว

อาการ:

  • รู้สึกอ่อนเพลีย อ่อนแรง
  • เหงื่อออกมาก
  • เวียนหัว หน้ามืด
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • กล้ามเนื้อเป็นตะคริว

สาเหตุ:

  • ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ทางเหงื่อ

การรักษา และดูแลตัวเอง:

  • ดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่ (electrolyte)
  • พักผ่อนในที่ร่มเย็น
  • ประคบเย็น
  • พาไปพบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะในอากาศร้อน
  • ทานอาหารที่มีเกลือแร่ เช่น ผัก ผลไม้
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม ระบายอากาศได้ดี

อาการอ่อนเพลียจากความร้อน(Heat Exhaustion) จัดเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับความร้อน 1 ใน 3 ชนิด โดย โรคตะคริวแดด (Heat Cramps) เป็นอาการที่ไม่รุนแรงที่สุด และ โรคลมแดด (Heatstroke) เป็นอาการที่รุนแรงที่สุด

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ท้าทายที่สุด เนื่องจากเป็นปัญหาระยะยาว ส่งผลให้เกิดคลื่นความร้อนรุนแรงและสภาวะอากาศเลวร้ายเป็นพักๆ อากาศร้อนจัด ภัยเงียบที่คุกคามชีวิต ผลกระทบของคลื่นความร้อนและอุณหภูมิเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการเกิดโรคจากความร้อน (Heat-related illnesses: HRIs) มากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการทบทวนกลยุทธ์ป้องกันและรักษาที่มีอยู่เดิม เพื่อนำไปสู่การวิจัยในอนาคต

แชร์ไปยัง

บทความแนะนำ

ติดตามพวกเราได้ที่
ME AND YOU ENTERTAINMENT CO., LTD.
เลขที่ 111 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. 10240
แจ้งปัญหา/ฝากข่าว [email protected]
ภาพรวมเนื้อหา